การใช้ if, if else ใน PHP

| ไอที | PHP | 46440

การใช้ if, if else, if else if ใน PHP

หลาย ๆ ครั้ง ในการเขียนโค้ด ก็ต้องมีการตัดสินใจ ทำอะไรบางอย่าง และสิ่งที่ใช้กันบ่อยที่สุดในการตัดสินใจ นั่นก็คือ if
การใช้ if, if else และ if else if ในภาษา PHP โดยทั่วไป เป็นการใช้เพื่อให้โปรแกรมตัดสินใจ ซึ่ง Syntax ในการเขียน ตามด้านล่างเลยครับ

Syntax if ใน php

if(condition){ 
	statement 1;
	statement 2;
	...
}
condition คือเงื่อนไงที่ต้องการ statement ก็คือคำสั่งในโปรแกรม อาจประกอบด้วยหลายคำสั่ง ถ้าหากมีคำสั่งมากกว่าหนึ่งให้ใส่วงเล็บปีกกา{} ครอบคำสั่งทั้งหมดไว้ แต่ถ้ามีเพียงคำสั่งเดียวไม่ต้องใส่วงเล็บปีกกาก็ได้ ถ้าหากไม่มีคำสั่งใด ๆ ให้ใส่วงเล็บเปล่า หรือใส่เครื่องหมาย ; ไว้ก็ได้

ตัวอย่างการใช้ if ใน php

function useif($score){
	if($score < 50) print("Your Grade : F");
	if($score >= 50 && $score < 60) print("Your Grade : D");
	if($score >= 60 && $score < 70) print("Your Grade : C");
	if($score >= 70 && $score < 80) print("Your Grade : B");
	if($score >= 80) print("Your Grade : A");
}
โปรแกรมนี้รับค่าคะแนนมาจากการเรียกใช้ฟังก์ชัน เราใช้ if เพื่อตรวจสอบไปแต่ละเกรด จะเห็นว่าเราใช้แต่ if ตามหลัง if มีแค่คำสั่งเดียว ไม่ต้องใส่วงเล็บปีกกาครอบก็ได้ โปรแกรมนี้จะตรวจสอบทุก if นั่นคือตรวจสอบว่าน้อยกว่า 50 ต่อไป ก็ มากกว่า 50 และ น้อยกว่า 60 หรือไม่ และตรวจสอบไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ เกรดถ้าคะแนน น้อยกว่า 50 แล้วปริ้น F ออกมา แต่ก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นเกรด D C B หรือ A หรือไม่

Syntax if else ใน php

if(condition){ 
	statement 1;
	statement 2;
	...
}
else{
	statement 1;
	statement 2;
	...
}
โปรแกรมจะเข้าสู่การทำงานในบล็อก else ได้ ก็ต่อเมื่อ การทำงานใน if เป็นเท็จ

ตัวอย่างการใช้ if else ใน php

function useif($score){
	if($score < 50) print("Your Grade : F");
	else{
		if($score < 60) print("Your Grade : D");
		else{
			if($score < 70) print("Your Grade : C");
			else{
				if($score < 80) print("Your Grade : B");
				else print("Your Grade : A");
			}
		}
	}
}
โปรแกรมนี้เราใช้ if else ตอนแรกก็ตรวจสอบว่าน้อยกว่า 50 หรือไม่ ถ้าใช่ ก็ปริ้น F ออกมา แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไปทำที่ else ใน else ก็ไปตรวจสอบ if ใน else อีกที หรือที่เรียกกันว่า if ซ้อน if นั่นเอง จาก if ซ้อน if เราก็สามารถลดรูปกลายเป็นโปรแกรมที่สามนั่นคือ if else if

Syntax if else if ใน php

if(condition1){ 
	statement 1;
	statement 2;
	...
}
else if(condition2){ 
	statement 1;
	statement 2;
	...
}
else{
	statement 1;
	statement 2;
	...
}
การใช้ if else if จะทำการตรวจสอบ condition แต่ละอัน ถ้าอันไหนเป็นจริง ก็จะทำงานในบล็อกนั้น

ตัวอย่างการใช้ if else if ใน php

function useif($score){
	if($score < 50) print("Your Grade : F");
	else if($score < 60) print("Your Grade : D");
	else if($score < 70) print("Your Grade : C");
	else if($score < 80) print("Your Grade : B");
	else print("Your Grade : A");
}
โปรแกรมนี้เป็นการใช้ if else if เพื่อตรวจสอบน้อยกว่า 50 หรือไม่ถ้าไม่ก็ไปตรวจอันที่สอง ถ้าน้อยกว่า 60 ก็ทำการปริ้น D ออกมา แล้วจบโปรแกรม ต่างจากโปรแกรมแรกที่ต้องตรวจทุก if แม้จะปริ้นเกรดออกมาแล้ว และเป็นการลดรูปจากโปรแกรมที่สอง จากการใช้ if ซ้อนกันหลาย ๆ ครั้ง ทำให้โปรแกรมดูง่ายขึ้น
comments




เว็บเพื่อนบ้าน
DoesystemDevcodeMathMySelfHowToClicksBlogJavaExample