นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน เรื่อง เสียวสวาสดิ์

| บันเทิง | นิยาย-เรื่องสั้น | 4581
นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน เรื่อง เสียวสวาสดิ์

อักษรธรรม จำนวน ๒๐ ผูก วัดบ้านทุ่ง ต.แดงหม้อ อ.เขื่องใน จ. อุบลราชธานี
          
      	เสียวสวาสดิ์เป็นวรรณกรรมคำสอนที่มีเนื้อเรื่องแทรกเป็นนิทานสลับกับคำสอนตลอดทั้งเรื่อง   มีกฎุมพีชราผู้หนึ่งมีบุตร ๒ คน ชื่อ ศรีเฉลียว และเสียวสวาสดิ์   ต่อมาพ่อถึงแก่ความตาย ก่อนจะตายได้สั่งสอนลูกให้มีความโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น  อย่าเกียจคร้าน หมั่นหาความรู้อย่าคบคนโลเล   ให้เชื่อฟังคำพ่อแม่   แล้วยกตัวอย่างนกกระแดบเด้าที่ไม่ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่เลยจะถูกเหยี่ยวรุ้งจับได้  เมื่อเอาตัวรอดด้วยอุบาย ก็ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพ่อแม่ เหยี่ยวรุ้งเลยตกถูกดินตาย นกกระแดบเด้าเลยรอดตัวมาได้   แต่คำสอนบิดามารดายังไม่เทียบเท่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีคำสอนว่า ความชั่วสามประการ คือ เพื่อนไม่ออกปากวานตนไปช่วยหนึ่ง   เพื่อนไม่ถามตนบอกหนึ่ง    ไม่มีใครชมตนกลับยกย่องตนเองหนึ่ง ผู้เป็นนักปราชญ์ย่อมไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ๘ คือ  มีลาภ  เสื่อมลาภ  มียศ  เสื่อมยศ   ทุกข์  สุข  สรรเสริญ  นินทา    นักปราชญ์ย่อมไม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เลว เพราะสิ่งแวดล้อมกำหนด   คนควรอยู่ในที่ที่เป็นมงคล และมีนิทานเรื่องช้างพลายที่โจรเลี้ยง    มีความประพฤติเลว และต่อมาบัณฑิตเอาไปเลี้ยง มีความประพฤติดี  เช่นเดียวกับเรื่อง ดาบสเอานกแขกเต้าไปเลี้ยง   กับโจรเอาไปเลี้ยงมีนิสัยไม่เหมือนกัน พูดจาไม่เหมือนกัน  เมื่อสั่งเสียเสร็จแล้ว กฎุมพีก็ตายไป หลังจากที่ปลงศพบิดาแล้ว ทั้งสองคนก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของบิดาด้วยดี

	วันหนึ่งมีพ่อค้าสำเภาจากเมืองจำปาไปจอดพักอยู่  เสียวสวาสดิ์จึงได้ขอโดยสารไปกับนายสำเภาด้วย ระหว่างทางที่ไป  เสียวสวาสดิ์ถามว่า แก่งนี้มีหินไหม   เมื่อไปถึงหมู่บ้านเสียวสวาสดิ์ถามว่า หมู่บ้านนี้มีคนไหม เมื่อไปถึงป่าไม้   เสียวสวาสดิ์ถามว่า มีต้นไม้ไหม นายสำเภาไม่เข้าใจความหมายของเสียวสวาสดิ์  จึงคิดว่าเสียวสวาสดิ์เป็นคนบ้าบอไม่เต็มเต็งแน่ๆ   แต่ใจหนึ่งก็อยากได้เสียวสวาสดิ์เป็นลูกเขย   เมื่อไปถึงบ้านจึงนำความไปเล่าให้นางศรีไวลูกสาวฟัง นางศรีไวจึงเฉลยปัญหาว่า  เมื่อถึงแก่งแล้วถามว่าที่นี่มีหินไหม หมายความว่า มีหินอื่นๆ ที่มีค่ากว่าหินอื่นไหม เมื่อถึงป่าถามว่ามีต้นไม้หรือไม่ หมายความว่า ไม้อื่นๆ มีมากก็จริงแต่ไม้ที่มีค่า เช่น ไม้จันทน์หอม ไม้กฤษณา มีหรือไม่  เมื่อถึงหมู่บ้านถ้าว่ามีคนหรือไม่หมายความว่า ในบ้านมีนักปราชญ์หรือไม่    นายสำเภาทราบว่าเสียวสวาสดิ์เป็นคนมีปัญญาจึงยกนางศรีไวให้เสียวสวาสดิ์   จะกล่าวถึงเจ้าเมืองจำปา ได้จัดให้คนเฝ้าเวรยาม  ใครหลับก็จับลงโทษประหารเสีย และริบเอาทรัพย์สิน    นายสำเภาเกรงจะมีภัยมาถึงตนจึงมอบทรัพย์สมบัติให้ลูกสาวลูกเขย แล้วเตรียมตัวหนี แล้วเล่าเรื่องกรรมเวรที่มาสนองตอบกัน เช่น ในสมัยหนึ่งวัวตัวหนึ่งขวิดชนพระองค์หนึ่ง ถึงแก่มรณภาพ สาเหตุเนื่องมาจากชาติปางก่อน  พระองค์นี้เกิดเป็นลูกเศรษฐีได้หญิงโสเภณีเป็นคู่นอน  เมื่อได้หลับนอนกับนางแล้วฆ่านางเสีย เมื่อนางตายไปจึงไปเกิดเป็นวัว แล้วได้มาผูกเวรกันในชาตินี้ เช่นเดียวกับพระโมคคัลลานะถูกโจรตีตาย เพราะชาติก่อนได้ตีมารดาตัวเอง ดังนั้นเรื่องกรรมสนองจึงเป็นเรื่องจริง   เสียวสวาสดิ์ได้เข้าไปหาเจ้าเมือง และเล่าเรื่องเป็นทำนองสอนถึงความไม่น่าไว้วางใจในธรรมชาติของมนุษย์เป็นนิทานและบอกข้อเท็จจริงที่ประชาชนเดือดร้อนให้พระราชาทราบ และเล่านิทานเรื่องความโหดร้ายของพระราชาผู้หูเบา นิทานเรื่องเล่ห์เหลี่ยมของคน และนิทานเรื่องการตัดสินคดีความที่เป็นธรรมและไม่เป็นธรรม  เจ้าเมืองได้ตั้งให้เสียวสวาสดิ์เป็นบัณฑิต และได้สั่งสอนชาวเมือง มีคำสอนเกี่ยวกับผู้ปกครองที่ดี ผู้ปกครองที่เลว โครงสร้างสำคัญอันเป็นองค์ประกอบของเมือง นิทานของเสียวสวาสดิ์ล้วนเป็นนิทานคำสอน ประกอบธรรมะยังมีรายละเอียดอีกมาก
comments




เว็บเพื่อนบ้าน
DoesystemDevcodeMathMySelfHowToClicksBlogJavaExample