นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน เรื่อง พื้นเวียง (พื้นเวียงจันทน์)
View: 5002

นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน เรื่อง พื้นเวียง (พื้นเวียงจันทน์) อักษรธรรม ๕ ผูก วัดป่าก้าว ต.โนนสมบูรณ์ อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี นครเวียงจันทน์ มีกษัตริย์ชื่อพระอนุรุธราชเจ้า มีมเหสีฝ่ายขวาชื่อคำปอง มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อคำจันทร์ มีพระธาตุพนมเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลาว ต่อมาเกิดพายุแผ่นดินแยกและเกิดฟ้าผ่าพระธาตุพนมอันเป็นที่สักการะบูชาพังพินาศอันเป็นลางร้ายของบ้านเมืองมาถึง ยกบัตรเมืองโคราช ขออนุญาตราชสำนักสยามเพื่อขอปราบพวกข่าที่ดอนโขง บ้านด่าน เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาต หลวงยกบัตรได้ออกมาขูดรีดชาวพื้นเมือง ยกทัพโจมตีชาวพื้นเมือง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระยาไกรเจ้าเมืองภูขันไม่ยอมอ่อนต่อเมืองโคราช ได้ร้องเรียนมายังราชสำนักสยาม ราชสำนักสยามได้ส่งคุณมหาอมาตย์ขึ้นไปไต่สวนความ เมื่อพบกับหลวงยกบัตรเมืองโคราช ก็ได้รับคำเพ็ดทูลและได้รับสินบน คุณมหาอมาตย์เดินทางกลับเพื่อไปรายงานต่อราชสำนักสยาม พระยาไกรได้ฟ้องร้องไปอีก คุณมหาอมาตย์ก็เดินทางไปอีกเช่นเคย ยกบัตรจึงจัดเครื่องบรรณาการข้าทาสถวายราชสำนักด้วย หลวงยกบัตรได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาพรหมภักดีและสัญญาว่าเจ้าเมืองโคราชถึงแก่กรรมแล้วจะให้พระยาพรหมภักดีขึ้นครองเมืองแทน พระยาพรหมภักดีเป็นคนโปรดปรานของราชสำนักสยามได้กดขี่ขูดรีดชาวพื้นเมืองมากขึ้นในที่สุดชาวพื้นเมืองซึ่งมีชาวข่ารวมอยู่ด้วย มีหัวหน้าคือเจ้าหัวสา ตั้งตัวอยู่เขาเก็ดโง้ง บ้านหนองบัว แขวงจำปาศักดิ์ มีพวกข่ามากมายขึ้นมาเผาเมืองจำปาศักดิ์ เจ้าเมืองจำปาศักดิ์หนีไปหาพระยาพรหม พระอนุรุธราช เจ้าเมืองเวียงจันทน์ออกมาปราบปรามและจับเจ้าหัวสาได้ เมื่อได้ทำการสอบสวนเจ้าหัวสา เจ้าหัวสาก็สารภาพว่าพระยาพรหมภักดีเป็นผู้ยุแหย่ แต่พระยาพรหมปฏิเสธ จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้ทั้งสองขัดแย้งกันมากขึ้น จากการสอบสวน แม้พระยาพรหมภักดีจะมีความผิด แต่ทรงเห็นว่ามีคุณต่อแผ่นดินก็ยกโทษให้ พระอนุรุธราชทูลขอให้ราชบุตรของพระองค์ ครองเมืองจำปาศักดิ์ ก็ทรงอนุญาต พระยาพรหมภักดีเห็นว่า พระอนุรุธราชจะมีอำนาจขึ้นทุกวัน พวกลาวจะกลับไปยังเวียงจันทน์หมด ทางแก้คือจะต้องจดเลกพวกลาวเสียก่อน ทางราชสำนักสยามเห็นชอบจึงโปรดให้หมื่นภักดี หมื่นพิทักษ์ไปเป็นแม่กองสักเลกพวกลาวที่กาฬสินธุ์ ละคร เหมราษฐ์บังมุกอุบลฯ เมื่อเจ้าเมืองโคราชถึงแก่อสัญกรรม พระยาพรหมภักดีได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน พระยาพรหมภักดีทำความเดือดร้อนให้กับพวกลาวและข่ามากขึ้นทุกวัน พระอนุรุธราชเจ้าเมืองเวียงจันทน์ได้ยกทัพมาเพื่อจับนายกองสักเลก และเจ้าเมืองที่กดขี่ราษฎรฆ่าเสีย และหมายจะล้มอำนาจของพระยาพรหมภักดีด้วย ในที่สุดทัพเวียงจันทน์ก็เดินทัพเข้าเมืองโคราช กรรมการเมืองยอมอ่อนน้อม ทัพเวียงจันทน์กักผู้คนไว้ที่ค่ายมูลเค็ง (ทุ่งสัมริด) อีกส่วนหนึ่งก็ออกล่าตัวพระยาพรหมภักดีโดยมีพระยาไกรเป็นหัวหน้า พระยาพรหมภักดีปลอมตัวเป็นไพร่ ลอบเข้ามาในค่ายมูลเค็ง พระยาพรหมภักดีหวังจะหยุดยั้งการกวาดต้อนผู้คนของทัพเวียงจันทน์ให้เป็นไปอย่างช้าๆ และได้รวบรวมคนเมืองกาฬสินธุ์ ละคร แปะ (บุรีรัมย์) ปัก (ปักธงชัย) ร้อยเอ็ด ในขณะที่ค่ายมูลเค็งก่อความไม่สงบได้ฆ่าพวกทหารเวียงจันทน์ตายเกือบหมด เจ้าเมืองเวียงจันทน์ได้ทราบข่าวก็พิโรธมากจึงจัดให้ถอยทัพ รีบยกไพร่พลกลับเวียงจันทน์ ความทราบถึงราชสำนักสยาม ทางกรุงเทพฯ ทราบเพียงว่าเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เป็นกบฏ จึงโปรดให้พระยามุนินทร์เจ้าเมืองลือเดช (เจ้าพระยาบดินทร์เดชา สิงห์ สิงหเสนี) เมื่อทัพทางกรุงเทพขึ้นไป ทัพลาวพ่ายแพ้ยับเยิน เจ้าเมืองเวียงจันทน์หนีไปถึงแกว (ญวน) แต่ในที่สุดพระองค์ถูกทัพไทยจับได้ และถูกส่งตัวไปยังกรุงเทพฯ ในที่สุดถึงแก่ทิวงคต